วันที่ 28 มิ.ย. 66 ที่สภ.สวนผึ้ง ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7
และคุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วยคุณมนณิชา อมราพิทักษ์
ประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี และคณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7เดินทางมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ และมอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภคเพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจ สภ.สวนผึ้ง และครอบครัว
จากนั้น ผบช.ภ.7ได้ตรวจเยี่ยม สภ.สวนผึ้ง และประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมคณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญครอบครัวข้าราชการตำรวจที่พักอาศัยบริเวณห้องแถวหลังสภ.สวนผึ้ง
จากนั้น ผบช.ภ.7 เป็นประธานในการประชุม “เร่งรัด ขับเคลื่อน ติดตาม การบริหารราชการ และขับเคลื่อนการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ ตามนโยบายของ ผบ.ตร.“ ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.สวนผึ้ง มีพล.ต.ต.วชิรพงษ์อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.อภิรัฐ พุ่มกุมาร รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี
พ.ต.อ.อำนวย เด่นเวหา ผกก.สภ.สวนผึ้ง คณะ กต.ตร.สภ.ด่านแม่แฉลบ และข้าราชการตำรวจ สภ.สวนผึ้ง รอรับการตรวจและเข้าร่วมการประชุม ได้กำชับให้ปฏิบัติดังนี้
1. นำนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ ผบ.ตร. “เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน” วิสัยทัศน์ตำรวจภูธรภาค 7 “ภักดีองค์ราชันมุ่งมั่นสร้างศรัทธาพัฒนาเป็นมืออาชีพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม นำสมัย เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และวิสัยทัศน์ ผบช.ภ.7 “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” ไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
2. ต้องทำงานกันเป็นทีม ยึดมั่นในระเบียบวินัย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนและดำรงตนอย่างมีเกียรติ
3. การทำงานต้องประกอบด้วย “หลักการทำงาน 4443″
3.1 “4 เกาะ” เกาะติดพื้นที่ เกาะติดประชาชน/มวลชน/และชุมชน เกาะติดคนร้ายหรือเกาะติดศัตรูของประชาชน และเกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเกาะติดลูกน้อง
3.2 “4 ยก” ยกระดับองค์ความรู้ ยกระดับวิธีคิด ยกระดับวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลพินิจ
3.3 “4 ทำ” ทำงาน ทำดี ทำบุญ และมีภาวะผู้นำ
3.4 “3 S” Smart Smile Strong
4. ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการอย่างสม่ำเสมอโดยใกล้ชิด และสร้างขวัญกำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น และสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนเพื่อให้ยอมรับว่าข้าราชการตำรวจเป็นมิตรที่ดีของประชาชน เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 2537 เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ
5. ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบควบคุมกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การกระทำความผิดใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์ การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางวินัย คดีอาญาและปกครองอย่างถึงที่สุด
6. กำชับให้มีการฝึกทบทวนทางยุทธวิธีทั้งฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวนเป็นประจำสม่ำเสมอ ให้เกิดความคุ้นชินเมื่อต้องปฏิบัติ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสูญเสียแก่เพื่อนพี่น้องข้าราชการตำรวจ
7. ปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ เป็นภารกิจเร่งด่วนของผบ.ตร. ให้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อ หากพบการกระทำความผิดดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุด
8. ปัญหายาเสพติดเป็นภารกิจเร่งด่วนของ ผบ.ตร. มุ่งเน้นใช้วิธีการบำบัดยาเสพติดต่อผู้เสพ เพื่อคืนคนดีสู่สังคมตามนโยบายรัฐบาล โดยปฏิบัติการเชิงรุกซักถามถึงแหล่งที่มาและเครือข่าย เพื่อจัดทำฐานข้อมูลในการติดตามจับกุมและขยายผลต่อไป
9. ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นมีความเข้าถึงและใส่ใจในความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว อย่างใกล้ชิด คอยช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สินความเป็นอยู่ อย่าปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเคว้งคว้างเผชิญปัญหาเพียงผู้เดียว
10. ให้ผู้บังคับบัญชาเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านงานในหน้าที่ ด้านการใช้ชีวิต การครองตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดี
11.กำชับความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ทำงานเป็นทีม(Teamworks) เคารพซึ่งกันและกันระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง โดยให้ยึดหลักการครองตน ครองคน และครองงาน