ปค.บุกจับผับดังบ้านโป่ง


ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และฝ่ายปกครองราชบุรี ร่วมกับกรมพินิจฯ บุกจับ ผับดังบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมกัน 2 แห่ง พบนักเที่ยวร่วม 400 คน มีเยาชน 4 คน ฉีม่วง 77 ราย และ ยังพบยาเสพติดทั้งชนิดผงและแบบผลึก พกพาอาวุธปืน พบไร้ใบอนุญาตสถานบริการ เปิดยันเช้าปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีเด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคมนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครองปค.บุกจับผับดังบ้านโป่ง นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดราชบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บุกเข้าทำการตรวจ จับกุม ผับชื่อร้านไฮไลท์ บ้านโป่ง และ ร้านอารีน่า บ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
.สืบเนื่องจากกรมการปกครอง ได้รับการประสานจากจังหวัดราชบุรี ว่ามีสถานประกอบการชื่อ “ร้านไฮไลท์ บ้านโป่ง” ตั้งอยู่ที่ 162/8 ม.9 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และ “ร้านอารีน่า บ้านโป่ง” ตั้งอยู่ที่ 98 ม.7 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้เปิดให้บริการในลักษณะเป็นผับขนาดใหญ่ผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ เปิดให้บริการถึงเช้า ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในร้าน ยินยอมให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงได้ส่งสายลับฝ่ายปกครองเข้าทำการสืบสวน ปรากฎข้อมูลการกระทำผิดจริง จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม ทั้งนี้ สายลับฝ่ายปกครองยังพบว่า ทางร้านมีการลงเวลาในใบเสร็จค่าสุราเป็นเท็จ โดยมีการลงเวลาปรับลดจากเวลาที่แท้จริงลง 2 ชั่วโมง เพื่อใช้ต่อสู้ว่าขายไม่เกินเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้ขายได้
จนกระทั่งวันนี้ เวลา 01.30 น. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังเข้าทำการจับกุม เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงร้าน ได้กระจายกำลังจู่โจมเข้าปิดล้อมสถานบริการทั้งสองแห่ง ซึ่งนักเที่ยวซึ่งกำลังเต้นอย่างสนุกสนานและมีนักเที่ยวที่กำลังเสพยาอยู่ภายในร้าน ต่างตกใจวิ่งหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมทางออกไว้ทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถหลบหนีได้


เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และแยกอายุนักเที่ยว ซึ่งนักเที่ยวได้ทิ้งยาเสพติดลงเกลื่อนพื้นร้าน ส่วนใหญ่เป็นยาเคตามีนจำนวนหลายซอง และยังพบว่าร้านทั้งสองแห่งไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ ได้ทำการตรวจสอบปัสสาวะของนักเที่ยว พบมีสารเสพติดในปัสสาวะจำนวน 77 ราย แยกเป็นชาย 31 ราย เป็นหญิง 46 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป ทั้งนี้ ยังมีการตรวจสอบพบเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 4 ราย โดยมีอายุ 17 ปี จำนวน 1 ราย อายุ 18 ปี จำนวน 1 ราย และ 19 ปี จำนวน 2 ราย
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กล่าวว่า “สถานบริการทั้ง 2 แห่ง เป็นการเปิดสถานบริการในพื้นที่นอกเขตโซนนิ่งให้ตั้งสถานบริการ และไม่มีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด อีกทั้ง ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าใช้บริการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็ก ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และอาวุธปืน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนลุ่มหลงในอบายมุข อันขัดกับศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงขอฝากไปยังผู้ประกอบการสถานบริการทั่วประเทศขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ โดยประกอบธุรกิจให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 และคำสั่ง คสช.ที่ 46/2559 ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะนี้ ขอให้ได้แจ้งไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ทางหมายเลขโทรศัพท์ 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งไปยังฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความผาสุข และดำเนินการกับผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่มีละเว้น


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับทางเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว จำนวน 4 ข้อหา คือ 1. ตั้งสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต , 2.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด , 3.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และ 4.ยุยงส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีกับ นายธนวัต วิจิตรจรัสกุล อายุ 30 ปี ซึ่งแสดงตนเป็นเจ้าของร้านทั้ง 2 แห่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดจับกุม ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุม และนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของอาวุธปีน 2 กระบอกที่พบ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่งได้ตรวจสอบว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ตามที่มีการกล่าวอ้าง โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งว่า หากเป็นของเจ้าหน้าที่จริงถ้าเข้ามาในสถานบันเทิงต้องแต่งกายด้วยเครื่องแบบจึงสามารถพกอาวุธปืนได้
ทั้งนี้ทางชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จะได้ทำเรื่องเสนอไปยังฝ่ายปกครองให้ทำการปิด ร้านไฮไลน์ บ้านโป่ง Highlight Banpong และ ร้าน Arena อารีน่า บ้านโป่ง เป็นเวลา 5 ปี ตามคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558 ลว. 22 ก.ค. 2558 ต่อไป

Related posts